ร้อยไหม หน้าเรียว ยกกระชับ ทั่วใบหน้า
ปัจจุบันเทรนด์ความงามแบบเกาหลีกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย และ การ“ร้อยไหม” เพื่อยกกระชับหรือปรับรูปหน้า เป็นนวัตกรรมความงามล่าสุดจากทางเกาหลีที่กำลังแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ร้อยไหมคืออะไร เหมาะกับใครบ้าง มีข้อดีข้อเสียยังไง วันนี้หมอมีคำตอบมาไขข้อสงสัยให้ค่ะ

ร้อยไหมคืออะไร
ร้อยไหม คือ การนำเส้นไหมชนิดพิเศษมาร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อให้เกิดแรงดึงยกใบหน้า และกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ มีผลทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนรอบๆ เส้นไหม ใบหน้าจึงดูเต่งตึง ยกกระชับขึ้นหลังการร้อยไหม โดยเห็นผลทันทีหลังทำ และได้รูปยิ่งขึ้นภายใน 1- 2 สัปดาห์ และเข้าที่ชัดเจนขึ้นในอีก 1-2 เดือนถัดมา วิธีนี้ไม่ใช่การผ่าตัด จึงไม่มีแผลขนาดใหญ่ มีเพียงรอยเข็มเล็กๆ เท่านั้น วันถัดมาสามารถล้างหน้า แต่งหน้า ทาครีมได้ตามปกติ แต่ในบางรายอาจมีการบวม และรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะค่อยๆหายไปใน 1-2 สัปดาห์ค่ะ

ชนิด ไหมแบ่งกว้างๆได้ 2 กลุ่มคือ

1. กลุ่มไหมที่ไม่ละลาย หรือความเสี่ยงสูง ไม่ควรใช้*

• 1.1 Gold Thread เป็นไหมที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ ขนาดประมาณเส้นผม มักร้อยสานกันเป็นตาข่าย แต่เพราะด้ายทองคำไม่มีเงี่ยงใดๆ จึงไม่มีผลในการดึงยกมากนัก จะเริ่มเห็นผลเมื่อ 1 เดือนเป็นต้นไป ข้อเสียของไหมทองคำ คือ ค่าใช้จ่ายสูงมาก ทองคำเป็นตัวนำความร้อนจึงต้องคอยระวังอย่างมากในการทำทรีทเมนต์หรือเลเซอร์ต่างๆ ไม่เหมาะในผู้ที่แพ้โลหะ และทองคำเป็นโลหะหนักชนิดหนึ่งจึงอาจเกิดผลข้างเคียงตกค้างในร่างกายได้ อีกทั้งยังไม่สามารถเข้าเครื่อง MRI ได้ ในปัจจุบันจึงไม่แนะนำการใช้ไหมทองคำ เนื่องจากมีข้อเสียและข้อจำกัดค่อนข้างมาก และไม่ผ่านการรับรองจากอย.
• 1.2 Aptos Thread เป็นไหมที่ไม่สามารถละลายได้ ทำจากสาร polypropylene ปัจจุบันไม่นิยมแล้ว เพราะมักเกิดปัญหาในระยะยาว เช่น นานๆ ไปอาจมีเส้นไหมโผล่ออกจากผิว ต้องเอาออกโดยการผ่าตัด และเกิดพังผืด

2. กลุ่มไหมที่ละลายได้

2.1 .ไหม PDO (polydioxanone) ละลายไปภายใน 6-8 เดือน ซึ่งเป็นไหมละลายที่มีความปลอดภัยสูง นิยมใช้มากที่สุด ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ มีโอกาสแพ้น้อยมากๆ ไม่มีปฏิกิริยาต่อผิวหนัง ไหมนี้จะค่อยๆละลาย ไม่ตกค้างให้เกิดผลข้างเคียง นอกจากจะเห็นผลทันทีหลังทำแล้ว ขณะที่ไหมละลายอยู่ใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Local microcirculation) มีผลให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนรอบๆเส้นไหม จึงเกิดการยกกระชับมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป ผิวหน้าจะยิ่งดีขึ้น กระชับขึ้น และได้ผลต่อเนื่องนานถึง 12-18 เดือน

• 2.1.1 ไหม Mono เป็นไหม PDO เส้นเล็กเท่าเส้นผม ผิวเรียบ มักใช้ร้อยแบบสานกันเป็นตาข่าย เพื่อยกกระชับผิวหน้า ไหมแบบนี้มีแรงยกดึงหน้าไม่มากนัก แต่ช่วยทำให้ผิวเฟิร์มกระชับดีขึ้นได้
  
• 2.1.2 ไหม Barb เป็นไหม PDO เส้นใหญ่ ที่ถูกผลิตให้มีเงี่ยงเล็กๆคล้ายก้างปลา  ทำให้สามารถยกกระชับและดึงผิวขึ้นได้ดี เพราะเงี่ยงของไหมจะช่วยยึดพยุงผิวและสามารถดึงผิวให้ตึงขึ้นได้ดี ผลที่ดีจะสามารถเห็นได้ทันทีหลังการรักษา และจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆในระยะ 6 เดือนแรก และให้ผลดีอยู่ได้นานประมาณ 1- 2 ปี ช่วยปรับใบหน้าให้เรียวและได้รูปสวยขึ้น กรอบหน้าคมชัดขึ้น และสามารถแก้ไขปัญหาเหนียงหย่อนที่ใต้คางได้ดี ปลอดภัยสูง ไหมนี้จะสามารถสลายตัวได้หมดโดยไม่มีสารตกค้างใดๆเหลืออยู่ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดพังผืดเหมือนการใช้ไหมชนิดไม่ละลาย

2.2. ไหม PLLA ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน

• 2.2.1 Silhouette Lift หรือ ไหมกรวย เป็นไหมที่มีปมเกาะผิวรูปร่างคล้ายกรวย ทำจากสาร Poly-L-Lactic Acid หรือ PLLA ไหมชนิดนี้จะค่อยๆละลายตัวอย่างช้าๆ อยู่ได้นานกว่าชนิด PDO และไม่มีปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อมนุษย์ (Biocompatibility) ไหมSilhouette นี้มีต้นกำเนิดและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกา
  
• 2.2.2 ไหมทอร์นาโด

Real Clinic เลือกใช้  MINT LIFT (ไหมมิ้นท์, ไหมมินต์) ย่อมาจาก Minimal Invasive Non surgical Thread

1 ) MINT LIFT® เป็นไหม PDO ปลอดภัย ไม่ตกค้าง สลายเองได้ เป็นยี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย.ไทย ตามข้อบ่งชี้การยกกระชับหน้า (Lift-Face) นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก Korea FDA (KFDA), USFDA, Japan FDA, CFDA, CE จากสหภาพยุโรป อีกด้วย

2. ) มินต์ลิฟท์ เป็นแบรนด์ระดับโลกที่ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรระดับโลกด้านวิธีการผลิตจากหน่วยงานระดับประเทศทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่: สาธารณรัฐเกาหลี, จีน, เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อิตาลี, ตุรกี, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา

3 ) เส้นไหมมิ้นท์ลิฟท์นี้มีความเหนียวกว่า แข็งแรงในการยึดเกาะ ยกพยุงหน้า มากกว่าไหมทั่วไปถึง 4 เท่า และด้วยวิธีการร้อยไหมที่แตกต่างกัน ทำให้ผลของการยกกระชับชัดเจนมากกว่าไหนบากเงี่ยง/ก้างปลาตัวอื่นๆและหน้าดูเรียวนานกว่าด้วย ทำให้ผลการดึงกระชับหน้าดีกว่าไหมอื่นๆมาก

4 ) ด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะของ MINT Lift ที่ตัวปมหมุดหรือเงี่ยง ผลิตโดยการหล่อขึ้นรูปจากแม่พิมพ์โดยเฉพาะ แล้วนำมาหุ้มประกอบติดกับเส้นไหม จึงมีความแข็งแรงทนทานกว่าไหมตัดแบบทั่วไปอื่นๆ ไม่ได้ทำการบากแกนเส้นไหมโดยตรงด้วยเลเซอร์แบบไหมเงี่ยงอื่นๆ จึงทำให้การยึดเกาะกับผิว และได้แรงดึงยกกระชับที่มากกว่า

5 ) การเรียงตัวของเงียงรอบเส้นไหมเรียงเป็นเกลียวรอบแกนไหม 360 องศา ไม่ได้มีเงี่ยงเรียงขนานเป็นเส้นตรงด้านข้างเหมือนไหมเงี่ยงก้างปลาทั่วไป ทำให้ ไหมมิ้นท์ มีประสิทธิภาพดีกว่า สามารถยกใบหน้าได้มากกว่าและนานกว่าไหมแบบอื่นๆ

6 ) เทคนิคการร้อยแต่ละเส้นจะต้องมีจุดแขวนใต้ผิวหนัง เช่นที่ บริเวณใต้ไรผม ขมับ หน้าใบหู มุมขากรรไกร หลังใบหู ซึ่งทำให้การยึดเกาะแข็งแรงและมีแรงดึงยกที่มากกว่า ไหมเงี่ยงก้างปลาทั่วๆไปจะไม่มีจุแขวนแบบนี้ อาสัยการเกาะผิวจากตัวหนามเงี่ยงเพียงอย่างเดียว

7 ) ไหมแต่ละเส้นที่คล้องผ่านจุดแขวนจะมี 2 ปลายทิศทาง ทำให้ได้ไหมที่มีแรงดึงถึง 2 เส้นต่างจากไหมก้างปลาที่ต้องใช้ไหมดึงเส้นต่อเส้น ดังนั้นร้อยไหมมิ้นท์เพียงเส้นเดียว จะได้ผลที่มากกว่าการร้อยไหมก้างปลามากกว่า 2 เส้นเป็นต้นไป 

8 ) ขั้นตอนการร้อยไหมมิ้นท์คล้ายการผ่าตัดเล็ก ทำยากและซับซ้อนกว่าจึงได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าไหมก้างปลาหลายเท่า

Mint Lift มี 2 แบบ

Mint Easy มีจุดเกาะดึง 2 ทิศทาง จึงยกกระชับปรับกรอบหน้าได้แน่นและแข็งแรงกว่า

Mint Fine ใช้เก็บรายละเอียดในการยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ดียิ่งขึ้น

MINT LIFT เหมาะกับใครบ้าง

• ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30-60 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาใบหน้าความหย่อนคล้อย
  
• ผู้ที่ต้องการแก้ไขความหย่อนคล้อยของใบหน้า ให้เห็นผลชัดเจน ในเวลาสั้นๆ
  
• ผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้นเป็นเวลานาน หรือมีแผลเป็นยาวจากการผ่าตัดดึงหน้า
  
• ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดยกดึงหน้ามาแล้ว แต่ยังไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัดครั้งต่อไป ในกรณีนี้อาจเลือกการร้อยไหมมิ้นท์แทนได้เช่นกัน
  
• การทำ MINT LIFTสามารถใช้ร่วมกับการยกกระชับหน้าด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น การใช้วิธีการร้อยไหมร่วมกับการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึก โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและร่องแก้ม
  

ข้อแนะนำก่อนการเข้ารับการร้อยไหม
ผู้ที่สนใจจะทำต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมผลที่ได้รับ การประเมินตำแหน่งของใบหน้า ชนิดของไหม ปริมาณเส้นไหม ราคาค่าใช้จ่าย โดยก่อนการทำแพทย์จะแนะนำให้หยุดรับประทานยาและวิตามินที่มีผลต่อการทำงาน ของเกล็ดเลือดและกลไกการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำหลังจากการทำได้ เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS , Vitamin E, Gingko, Fish oil ก่อนการทำอย่างน้อย 10 วันและสำหรับผู้หญิงหลีกเลี่ยงการทำในช่วงที่มีประจำเดือน

ขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนการร้อยไหม
เมื่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์โครงสร้างของปัญหาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะต้องทำการเตรียมผิวให้สะอาด 100% ด้วยการ Cleansing ล้างเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนให้เรียบร้อย
หลังจากนั้นทายาชาบริเวณที่ต้องการยกกระชับ นาน 30-45 นาที ทิ้งไว้ให้ครบเวลา จึงเช็ดออกให้สะอาดหมดจดพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการฆ่าเชื้อทำความสะอาดแบบครบวงจรอีกครั้งหนึ่ง
แพทย์จะทำการฉีดยาชาบล็อกเพิ่มให้อีกรอบหนึ่งเพื่อป้องกันคนไข้เจ็บ รอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 1 นาที ก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการร้อยไหม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนำเส้นไหมที่อยู่ตรงปลายเข็มเข้าไปยึดตามเนื้อเยื่อผิว โดยจะใช้วิธีการร้อยเรียงเส้นไหมแบบเป็นมิติ แพทย์จะพิจารณาตามโครงสร้างโครงหน้าของคนไข้เป็นหลัก ในเวลาเพียง 30 – 50 นาที ซึ่งหลังทำคุณจะเห็นผลทันที ผิวหน้ายกกระชับ พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน กระจ่างใสมากขึ้นอีกด้วย
เมื่อเสร็จครบทุกขั้นตอน ผู้ช่วยแพทย์ จะนำ ที่ประคบเย็นมาประคบเพิ่มให้เป็นเวลาอีก 15 นาที เพื่อบรรเทาอาการบวม หรือรอยเขียวช้ำ หลังทำ จากนั้นรับประทานยาและรับยากลับบ้านตามปกติ

การปฏิบัติตัวหลังจากการร้อยไหมมินท์

• หลังร้อยไหม อาจเกิดอาการปวด หรือบวมได้ โดยอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล
• อาจรู้สึกตึงหน้า หรือรู้สึกเสียวๆ ที่ผิวหน้าบริเวณที่ร้อยไหม โดยอาการดังกล่าวจะค่อยๆ หายไปใน 10-14 วัน
• งดการทำเลเซอร์ โยคะ อบซาวน่า นวดหน้า หรือทำ Treatment หลังทำ 2-4 สัปดาห์
• งดดื่มแอลกอฮอล์ หลังทำ 1-2 สัปดาห์
• ห้ามล้างหน้า ทาครีมบำรุง แต่งหน้า เป็นเวลา 24 ชม.
  
• หลีกเลี่ยงที่ร้อนจัด แสงแดด อาหารเผ็ดจัด ประมาณ 5-7 วัน
• งดออกกำลังกายอย่างหนัก ที่ทำให้เหงื่อออกมากๆประมาณ 5-7 วัน