Last updated: 17 ส.ค. 2568 | 59613 จำนวนผู้เข้าชม |
HIFU คือ High-intensity Focused Ultrasound การยกกระชับด้วยคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์
ลงลึกถึงชั้น SMAS ที่เป็นชั้นยกดึงหน้า ชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ทำศัลยกรรมดึงหน้าให้ตึงกระชับ โดยพลังงานอัลตราซาวด์นี้จะเข้าไปทำให้ชั้น SMAS แข็งแรงแรงขึ้นและกระตุ้นคอลลาเจน จึงช่วยยกกระชับใบหน้าให้ผิวเฟิร์มเด้งขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น
แก้ปัญหา ใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวหนังหย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก กรอบหน้า และกระเปาะข้างมุมปากได้ดี รวมถึงผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อยและหนังตาหย่อน หางคิ้วตก ก็ช่วยแก้ปัญหาได้เช่นกัน
ข้อดีของ HIFU ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่โดนเข็ม ไม่มีแผลจากเข็มหรือจากมีดผ่าตัด สามารถแต่งหน้าทาครีมหลังทำได้ทันที
เหมาะสำหรับ ทุกเพศ ทุกวัย ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียง โดย HIFU สามารถช่วยได้ทั้ง ใบหน้า เหนียง ลำคอ รวมถึงที่เรือนร่างด้วยค่ะ
ผลลัพธ์ที่ได้ หลังทำจะเห็นผลเลยค่ะ แล้วจะค่อยๆเห็นผลดีขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนที่สุด 1-2 เดือนหลังทำ เมื่อคอลลาเจนสร้างตัวเต็มที่
อยู่ได้นานแค่ไหน ทำครั้งนึงอยู่ได้นาน 6-8 เดือน ถ้าทำซ้ำ 1-2 ครั้งจะอยู่ได้นานเป็นปี
HIFU แบ่งประเภทได้หลายแบบค่ะ
1. ตามพลังงานที่ลง
Real Clinic ใช้เครื่อง New MFU Synergy พิเศษอย่างไร ?
1. ตัวเครื่อง มาตรฐาน ปลอดภัย ผ่าน อย ถุกต้อง
2. แทบไม่เจ็บ ไม่ต้องทายาชาก่อนทำ เพียงทำความสะอาดผิวหน้า ทาเจล และเริ่มทำได้เลยค่ะ
หัว FL ( Focused Linear MFU )
หัว SD ( Synergy Dotting MFU + RF )
เรียกได้ว่าเป็นการ “ยกทั้งหน้า เสริมทั้งชั้น ฟื้นทั้งผิว” ในการทำครั้งเดียว เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ครบ โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือไม่มีเวลาพักฟื้น
: Single Shot หัวเรียวเล็ก เข้าถึงได้ทุกซอก ทุกมุม บนใบหน้าได้อย่างละเอียด และยกกระชับได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะ บริเวณรอบดวงตา หน้าผาก หางตา ยกคิ้ว ร่องแก้ม
แม้ว่าพลังงาน HIFU และ RF จะมีจุดเด่นเฉพาะของแต่ละเทคโนโลยี แต่เมื่อใช้งานร่วมกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้เป็นเพียงผลรวม (Additive Effect) แต่กลับแสดงออกเป็นผลลัพธ์ที่ เสริมกัน (Synergistic Effect) อย่างชัดเจน
5. ผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดมากขึ้น เมื่อเทียบกับ MFU เดี่ยวๆ
6. ทำโดยแพทย์ทุกเคส
7. Real Clinic ไม่มีพนักงานขายคอยยัดเยียดคอร์ส
8. คลินิกได้รับใบอนุญาตถูกต้องชัดเจน
Q : ถามจริงๆเลย MFU, HIFU เห็นผลจริงไหม ?
A : ขึ้นกับ หลายปัจจัย
เครื่องที่ใช้ - ต้องเป็นแบรนด์เกาหลีแท้เท่านั้น จึงจะเชื่อมั่นได้ว่ามีคุณภาพได้มาตรฐานจริงๆ เพราะเป็นประเทศต้นกำเนิด HIFU ส่วนใหญ่เครื่องที่ราคาถูกแต่ไม่มีคุณภาพ ยิงแล้วเจ็บแต่ไม่เห็นผล มักมาจากประเทศจีน
จำนวนชอตที่ยิง - จำนวนชอตต้องเหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ทั้งนี้จำนวนชอตที่เหมาะสมในแต่ละยี่ห้อเครื่องมีความแตกต่างกัน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เช่น บางเครื่องจำนวนชอตทั่วใบหน้าที่เหมาะสม อยู่ที่ 400-600 ชอต บางเครื่องอยู่ที่ 2000-3000 ชอต
แพทย์ที่ทำ - ผู้ทำหัตถการควรเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เรื่องกายวิภาคบนใบหน้า และวิเคราะห์สาเหตุความหย่อนคล้อยของใบหน้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งต้องยิงด้วยเทคนิคการยกกระชับที่ถูกต้องในแต่ละเครื่อง ปรับค่าพลังงานและใช้จำนวนชอตที่เหมาะสม จึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดี
ปัญหาที่คนไข้กังวล เหมาะทำไหม - คนไข้บางราย มีปัญหาใบหน้าตอบและหน้าไม่เท่ากันจากชั้นกระดูกที่ยุบตัวลง การทำ HIFU จึงไม่เหมาะสมและไม่ตรงจุด ในกรณีแบบนี้การแก้ไขด้วยสารเติมเต็มจะเหมาะสมกว่าค่ะ
ความคาดหวัง - คนไข้บางรายคาดหวังว่า การทำ HIFU เพียงครั้งเดียว จะทำให้ดูเด็กลงกว่าสิบปี และช่วยแก้ทุกปัญหาแห่งวัยบนใบหน้าได้ ทั้งเรื่องความหย่อนคล้อย ร่องลึก และริ้วรอยที่เป็นร่องถาวรแล้ว กรณีคาดหวังขนาดนี้ การทำ HIFU จะไม่สามารถเห็นผลที่พึงพอใจได้ขนาดนั้น
*เกร็ดความรู้ HIFU ต้นกำเนิดจริงๆอยู่ที่ประเทศเกาหลี
Q : ทำไมบางที่ราคาถูกมาก ?
A : ส่วนใหญ่ที่สามารถทำราคา HIFU ได้ถูกมากๆ มักเป็นเครื่องที่ผลิตในจีน ซึ่งราคาเครื่องมักอยู่ที่เพียงหลักหมื่น ไม่ล็อคชอต หรือหัวชอตราคาถูกมาก แต่ต้องระวังเรื่องความเสถียรของพลังงาน และความแม่นยำของชอตให้ดีนะคะ เพราะมีความเสี่ยงเกิดผิวไหม้ หรือยิงไปแล้วเจ็บแต่ไม่เห็นผล เจอแบบนี้เยอะมากๆค่ะ
*เกร็ดความรู้ ลองเช็คใน Alibaba เลยค่ะ ถ้าหน้าตา ชื่อรุ่น เครื่อง HIFU แบบที่คลินิคนี้บอก ไปอยู่ในเวบนี้จากเมืองจีน ก็เกือบ100%ว่าจีนแท้ๆเลย ยิ่งถ้าราคาเครื่องแค่หลักหมื่นหรือแสนต้นๆด้วยแล้ว ยิ่งไม่น่าไว้ใจ คือเราจะไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าพลังงานที่ปล่อยออกมา เป็นพลังงานอะไร หน้าจะเบิร์นไหม เส้นประสาทข้างในจะเป็นอะไรไหม
Q : ทำไมต้องแพทย์ทำด้วย เห็นบางที่ไม่ใช่แพทย์ ?
A : ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่รู้ถึงกายวิภาคของใบหน้า และทราบสาเหตุความหย่อนคล้อยในหน้าคนไข้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถออกแบบแนวการยิง ปรับค่าพลังงาน ตั้งค่าชอตที่เหมาะสมได้ อีกทั้งต้องรู้ด้วยว่าเส้นเลือด เส้นประสาทที่สำคัญอยู่ตรงไหนบ้าง จึงเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ยิงโดนเส้นประสาทแล้วปากเบี้ยวได้
การที่จะให้พนักงานที่ไม่ใช่แพทย์เป็นผู้ทำ HIFU เราจะมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยว่าจะไม่เผลอไปยิงโดนเส้นประสาท และยิงจนเกิดผิวไหม้ได้อย่างไร
และยิ่งถ้าใช้เครื่องที่ไม่ได้คุณภาพด้วยแล้ว การทำครั้งนั้นก้แทบไม่มีประโยชน์ใดๆเลย และยังเสี่ยงเกิดผิวไหม้ ปากเบี้ยว อีกด้วย
*เกร็ดความรู้ จะมั่นใจได้ยังไงว่าคนที่ทำเป็นแพทย์จริงๆ ดูใบว. ที่แปะอยู่หน้าห้อง หรือ หน้าคลินิกได้เลยค่ะ
Q : หน้าแบบไหน ปัญหายังไง ที่เหมาะจะทำ ?
A : เหมาะสำหรับ คนที่รู้สึกว่าหน้าไม่กระชับ รู้สึกผิวดูหย่อนๆ ไม่แน่น ไม่เฟิร์ม
มีเหนียง กรอบหน้าไม่ชัด ถ่ายรูปแล้วไม่เห็นกรอบหน้า ใบหน้าหย่อนคล้อย ซึ่ง MFUสามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้ ทั้งร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก กรอบหน้า กระเปาะข้างมุมปากรวมถึงผิวใต้ตาที่หย่อนคล้อยและหนังตาที่หย่อน หางคิ้วตก ก็ช่วยแก้ได้เช่นกันค่ะ
Q : ต้องอายุเท่าไร ถึงทำได้ สูงอายุทำได้ไหม?
A : ได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ ไม่มีข้อห้ามเลยค่ะ MFU ค่อนข้างปลอดภัยมากในกรณีที่ทำโดยแพทย์และเครื่องที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเสมอนะคะ
Q : เจ็บไหม?
A : บางเครื่องเจ็บมาก แม้จะทายาชาแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บ บางเครื่องไม่เจ็บ แต่ เครื่องที่ Real Clinic ไม่เจ็บ ไม่ต้องทายาชาก่อนทำ จะรู้สึกแค่จี๊ดๆใต้ผิวนิดหน่อย และเมื่อยๆหน้าเล็กน้อย
Q : ทำทีอยู่ได้นานแค่ไหน ?
A : 6-12 เดือน แล้วแต่รุ่น แล้วแต่เครื่อง และสภาพผิวพื้นฐานของคนไข้ค่ะ
Q. บริเวณที่ทำได้
ใต้ตา-หน้าผาก (1.5–2 มม.)
แก้ม-กรอบหน้า-ใต้คาง (3–4.5 มม.)
หน้าท้อง / ต้นแขน / ต้นขา (6–13 มม.)
Q. New MFU Synergy เหมาะกับใคร
ผิวหย่อนระดับ mild-moderate (Fitzpatrick I-V)
เคยทำ HIFU เดิมแล้วยกไม่พอ
ต้องการยกกระชับพร้อมสลายไขมันในคอร์สเดียว
แพ้ง่าย ไม่อยากให้ชั้นหนังกำพร้าไหม้หรือฟกช้ำ
คนที่เคยทำ HIFU แล้วหน้าไม่เนียน
คนที่มีปัญหาทั้งความหย่อน + ผิวขาดน้ำ + รูขุมขนกว้าง
คนที่อยากดูแลทั้ง “ยก – แน่น – ละเอียด” ในรอบเดียว
คนผิวบาง แต่อยากได้พลังงานแบบลึกและตื้นพร้อมกัน โดยไม่ต้องทำซ้ำหลายรอบ
Q. คำแนะนำหลังทำ
ทากันแดด SPF 50 + งดซาวน่า/อบไอน้ำ 24 ชม.
ดื่มน้ำ ≥ 2 ลิตร ช่วย GAG re-hydration
แต่งหน้า กลับไปทำงาน ได้ทันที—ไม่มี downtime
Q. เมื่อไรเห็นผล
หลังทำทันที: SMAS หดตัวเล็กน้อย เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น
4–8 สัปดาห์: คอลลาเจนใหม่ขึ้น ผิวตึง-ละเอียด
3–6 เดือน: ผิวพีคที่สุด แล้วคงผล ~12 เดือน
Q. ควรทำซ้ำบ่อยแค่ไหน
สำหรับใบหน้า: ทุก 3-6 เดือน เพื่อรักษาคอลลาเจน
สำหรับ Body contour: ปีละ 2-3 ครั้ง หากต้องการลดไขมัน-กระชับผิวต่อเนื่อง
Q. ทำไมคนไข้จึงบอกว่า “ไม่เจ็บ”
RF อุ่นผิวก่อน เพิ่ม pain-threshold ของเส้นประสาท C-fiber
Pulse-width MFU ยาวขึ้น ลด micro-cavitation shock จึงรู้สึกสบายกว่า HIFU รุ่นแรก ๆ
Q. บริเวณที่ทำได้
ใต้ตา-หน้าผาก (1.5–2 มม.)
แก้ม-กรอบหน้า-ใต้คาง (3–4.5 มม.)
หน้าท้อง / ต้นแขน / ต้นขา (6–13 มม.)
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ดี มีอะไรบ้าง พร้อมการสนับสนุนจากงานวิจัยที่รองรับค่ะ
การได้รับผลลัพธ์ที่ดีจากเครื่องยกกระชับขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งไม่ได้มีแค่เครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับการดูแลและปัจจัยหลายๆ อย่างในกระบวนการ ทั้งจากตัวเครื่องเอง และการปรับให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน
1. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
การใช้เครื่องยกกระชับไม่ใช่แค่การเปิดเครื่องแล้วยิงพลังงานไปตามจุด แต่ต้องมีการปรับค่าพลังงานและเลือกหัวที่เหมาะสมกับแต่ละชั้นผิวอย่างแม่นยำ
งานวิจัย (Lee, Y., et al., 2021) ระบุว่า แพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละปัญหาของผิว เช่น
การปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า
การเลือกหัวที่เหมาะสมในการยิงพลังงาน (Deep, Superficial, etc.)
การเลือกหัวที่เหมาะสมกับการยิงพลังงานสามารถทำให้ การกระตุ้นคอลลาเจน และ ผลลัพธ์ที่ได้ ดีขึ้นอย่างมากค่ะ
สรุป: แพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถออกแบบแผนการรักษาได้เหมาะสมที่สุดกับแต่ละบุคคล
2. การปรับค่าพลังงานให้เหมาะสม
พลังงานที่ใช้ในการยิงต้องสัมพันธ์กับระดับความลึกของชั้นผิว เช่น ชั้น SMAS, ชั้น Dermis, หรือ Hypodermis ซึ่งการปรับพลังงานผิดระดับอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาดหวัง
งานวิจัย (Cho, J. et al., 2020) ระบุว่า การยิงพลังงานแบบหลายความลึก เช่นที่พบใน Ultraformer MPT หรือ MFU จะช่วยเพิ่มการกระตุ้นคอลลาเจนและเพิ่มความหนาแน่นของผิว
สรุป: ต้องปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละชั้นผิว เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ความเหมาะสมของเครื่องมือ
เครื่องมือแต่ละชนิดมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ความแม่นยำของการยิงพลังงาน และ คุณภาพของเครื่อง ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์
งานวิจัย (Kim, Y. et al., 2020) พบว่า เครื่องที่มีการควบคุมพลังงานและความลึกได้อย่างแม่นยำ เช่น Ulthera, Ultraformer MPT มีความแม่นยำสูงกว่าการใช้อุปกรณ์ทั่วไป
การควบคุมความลึกของพลังงานจะทำให้การกระตุ้นที่เกิดขึ้นตรงจุดและมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว
สรุป: เครื่องที่มีระบบควบคุมพลังงานและความลึกอย่างแม่นยำจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
4. จำนวนครั้งและระยะห่างของการทำทรีตเมนต์
จำนวนครั้งที่ทำและการเว้นระยะห่างระหว่างการทำแต่ละครั้งก็มีความสำคัญต่อการกระตุ้นคอลลาเจนให้มีผลลัพธ์ที่ยาวนานและเห็นผลอย่างชัดเจน
งานวิจัย (Gao, S., et al., 2018) พบว่า การทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่เหมาะสมช่วยให้เกิด ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ในการยกกระชับผิวและการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ๆ
โดยการทำซ้ำในช่วง 1 เดือน (ขึ้นกับประเภทเครื่อง) ทำให้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่แข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
สรุป: ควรทำทรีตเมนต์ตามคำแนะนำของแพทย์และรักษาระยะห่างเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
5. การดูแลหลังการทำทรีตเมนต์ ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น
หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัดหลังทำทรีตเมนต์
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคืองในช่วง 1-2 วันแรก
ใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ
งานวิจัย (Jung, J., et al., 2021) พบว่าการดูแลหลังทรีตเมนต์จะช่วยให้การสร้างคอลลาเจนเกิดขึ้นได้เร็วขึ้นและผิวฟื้นฟูได้ดีกว่า
สรุป: การดูแลผิวหลังทำทรีตเมนต์ช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานและดีขึ้น
6. สภาพผิวของแต่ละคนมีสภาพที่แตกต่างกัน เช่น ผิวหย่อนคล้อย, ผิวมีริ้วรอยลึก, ผิวแห้งกร้านหรือมีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ
งานวิจัย (Jung, S., et al., 2020) ได้พิสูจน์ว่า สภาพผิวของคนไข้ มีผลต่อการตอบสนองต่อการกระตุ้นคอลลาเจนและผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้เทคโนโลยีการยกกระชับ ผิวที่มีความชุ่มชื้นดีและไม่หย่อนคล้อยมากเกินไปมักจะตอบสนองต่อการรักษาได้ดีและเห็นผลไวกว่า
สรุป: สภาพผิวที่ดีจะช่วยให้การกระตุ้นคอลลาเจนเกิดขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
7. การเลือกประเภทเครื่องให้เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคนก็มีผลต่อผลลัพธ์ที่ได้ ตัวอย่างเช่น