5.มุลกวัง
สารบัญ
Exosome นวัตกรรมฟื้นฟูผิวใหม่ คือ สารขนาดเล็กมาก ที่ปล่อยออกมาจาก Stem Cell เป็นลักษณะวงกลมขนาดเพียง 30-100 nm ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าทั่วไปถึง 1,000 เท่า ใน Exosome มีสารชีวโมเลกุล 1,000 ชนิด เช่น เช่น Growth factors, Cytokines, mRNA, Biological compounds และสารสื่อประสาทสำคัญอีกหลายชนิดที่มีมากกว่า PRP เป็น 1,000 เท่า
ปกติแล้วในการทำงานของStem Cellจะมีการปล่อยสารที่ชื่อว่า "Exosome (เอ็กซ์โซโซม)" ออกมา Exosome เกิดจากStem Cellนี่เอง ซึ่งจะตรงเข้าไปฟื้นฟูเซลล์โดยรอบให้กลับมาอ่อนเยาว์สดใสอีกครั้ง แต่ว่าการใช้Stem Cellนั้นก็มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณเอกซ์โซโซมที่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าStem Cellexosomeออกมาเท่าไร จึงได้เกิดการสกัด "Exosome" แยกออกมาจากStem Cellด้วยเทคโนโลยี mRNA
ทำให้ได้เอกซ์โซโซมเพียว ๆ และสามารถกำหนดปริมาณการใช้ฟื้นฟูผิวในจุดต่าง ๆได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย โดย Exosome เป็นส่วน์ที่มีอนุภาคนาโนขนาดเล็ก จึงทำให้สามารถเข้าไปซ่อมแซม และฟื้นฟูบริเวณหนังศีรษะที่เสื่อมสภาพได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) รวมทั้งยังช่วยต้านและยับยั้งกลไกการอักเสบ ภาวะเครียดของเซลล์ และชะลอความเสื่อมต่างๆ ของปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วย
จากงานวิจัย Exosome ช่วยในเรื่อง
1. Skin Rejuvenation ฟื้นฟูสภาพผิวให้อ่อนเยาว์ กระชับรูขุมขน
2. Acne Scar Revision รักษาแผลเป็นหลุมสิว ลดสิว ลดรอยดำรอยแดงสิว
3. Chronic Inflammation / Hypersensitivity ลดการอักเสบของผิว ลดอาการผื่นแพ้
4. Wound healing ช่วยในการสมานแผล ลด downtime ลดรอยแผลเป็น
5. Pigmentation Regulation ลดเม็ดสี ช่วยรักษาฝ้า กระ รอยดำ
6. Atopic Dermatitis รักษาอาการคันผิวหนังอักเสบ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
7. Anti-aging ช่วยชะลอวัยผิว กระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย
8. เพิ่มการฟื้นฟูเส้นใยไฟโบรบลาสต์ 80%
9. เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว 3 เท่า
10. เพิ่มคอลลาเจน 7 เท่า
Exosome Real Skin Quality คืออะไร พิเศษกว่าอย่างไร ?
เป็นโปรแกรมงานผิว เพื่อฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นในทุกด้าน สูตรเฉพาะของที่ Real Clinic เท่านั้น โดยส่วนประกอบหลักในสูตรยาคือ Exosome ( มีเพียงแบรนด์เดียวเท่านั้นที่ ผ่าน อย. ไทย )เข้มข้นคุณภาพสูงสุดที่ได้มาจาก Human Adipose Tissue Stem Cell แหล่งStem Cell ที่ขึ้นชื่อเรื่องการฟื้นฟูผิวหนังที่ดีที่สุด มีงานวิจัยระดับโลกรองรับถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญ
ตัวยาแท้ยกขวดไม่เจือจาง 5 cc มี อย.ไทย ฉีดให้ทั้งขวด เข้มข้นไม่เจือจาง ให้เต็มโดส ทำให้ทั่วหน้า รวมลำคอด้วย ยกขวดให้กล่องขวดกลับบ้าน
ทำหัตถการโดยแพทย์ด้านผิวหนังอบรมจากเกาหลีโดยตรง
คุณหมอเบนซ์ได้รับการฝึกอบรมการทำ EXOSOME จากอาจารย์แพทย์ด้าน Skin Booster ที่เกาหลีโดยตรง
ทั้งยังมีการใช้เครื่องมือชนิดพิเศษ ช่วยเปิดผิวนำตัวยาเข้าสู่ผิวหนังอย่างล้ำลึกทั่วถึงทั้งใบหน้าและลำคอ (ไม่ใช่แค่ฉีดมือแบบเมโสเธอราพีทั่วไป) วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Exosome อย่างสูงสุด จึงเป็นเทคนิคเฉพาะส่วนตัวที่ยังไม่มีที่ไหนทำในประเทศไทยค่ะ
ส่วนประกอบสำคัญใน Exosome Real Skin Quality
Exosome เข้มข้น สารสำคัญที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว (Skin regeneration) exosome อนุภาคขนาดเล็ก ประมาณ 5,000 ล้านparticles และactive ingredients ต่างๆ คือ growth factors 5 ชนิด, peptides 6 ชนิด, amino acids 19 ชนิด, coenzymes 4 ชนิด, vitamins และ minerals สารออกฤทธิ์สำคัญเหล่านี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการจับกับตัวรับและส่งสัญญาณไปยังผิว
** การผลิตสาร SOD ตามธรรมชาติในเซลล์นี้จะลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุประมาณ 35 ปีเป็นต้นไป และจะลดลงเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้น เมื่อการทำงานของเซลล์ลดลงเนื่องจากออกซิเจนที่ใช้งานอยู่ปรากฏการณ์แห่งวัย aging process เช่นจุดด่างดำ และริ้วรอยก็จะเริ่มปรากฏมากยิ่งขึ้น
REAL Exosome Skin Quality เหมาะสำหรับใคร
ควรทำโปรแกรม REAL Exosome Skin Quality บ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไปการทำหัตถการแพทย์เพียงครั้งเดียวก็จะเกิดกระบวนการฟื้นฟูผิวสร้างคอลลาเจนได้ยาวนานกว่า 6 เดือน แต่ด้วยสภาพพื้นฐานผิวของแต่ละบุคคลที่ไม่แตกต่างกัน การคงผลลัพธ์คุณภาพผิวที่ยาวนานและเพื่อประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น แนะนำทำการรักษาต่อเนื่องทุก 1 เดือนในช่วง 3 ครั้งแรก จากนั้นทำต่อเนื่องทุก 6-12 เดือน เพื่อกระตุ้นการสร้างการสร้างคอลลาเจนอีลาสติน และผิวใหม่อย่างต่อเนื่อง ให้พื้นฐานผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
อาการปวดและผลข้างเคียงในการทำ REAL Exosome Skin Quality
แทบจะไม่มีอาการปวดเลยในขณะทำ เนื่องจากมีการทาครีมยาชาก่อนทำหัตถการ และตัวยาไม่แสบไม่เบิร์นผิว หลังทำจะมีรอยแดง และตุ่มคล้ายยุงกัดบางจุด วันรุ่งขึ้นสามารถแต่งหน้าทาแป้งไปปกติ *ในบางรายอาจมีอาการรแดงคันในบริเวณที่ทำได้ เป็นอาการปกติแนะนำให้ใช้ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์และกันแดดอย่างต่อเนื่อง และงดเว้นครีมไวท์เทนนิ่งไปก่อน
ข้อควรระวังหลังการรักษา REAL Exosome Skin Quality
ผู้ที่ไม่ควรทำ REAL Exosome Skin Quality
Q : Exosome คืออะไรกันแน่?
A : เอ็กโซโซมเป็นสารอนุภาคเล็กขนาดนาโน ที่เซลล์หลั่งออกมาภายนอกผนังเป็นตัวหลักเพื่อการส่งสัญญาณแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างเซลล์ มีบทบาทในการส่งสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่เหมาะกับการทำงานของเซลล์ต่างๆ ทุกมี exosomes โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน SMC ที่เอ็กโซโซม เป็นตัวหลักทำให้เกิด Paracrine Effect ให้สามารถสร้างใหม่ได้
*Paracrine Effect: เป็นหนึ่งในบทบาทสำคัญของStem Cell ในการฟื้นฟูสร้างเสริมใหม่ และซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
Q : โปรแกรมงานผิวนี้ได้ผลดีที่สุดสำหรับใคร
A : ผู้ที่ต้องการ การฟื้นฟูบำรุงผิวที่ตอบโจทย์หลายปัญหาครอบคลุมทั้งการสร้างผิวใหม่ที่อ่อนเยาว์ เพิ่มความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ กระชับรูขุมขน และอื่นๆ
-ผู้ที่ต้องการรักษาผิวที่อ่อนแอ ระคายเคืองง่าย ผิวบาง หน้าแดงง่าย ผิวหนังอักเสบ
ผื่นแพ้
-ผู้ที่ต้องการรักษาสิวเรื้อรัง สิวผด ผื่นแพ้สัมผัสจากการสวมหน้ากากอนามัยให้ดีขึ้น
Q : ทำไปแล้วจะเริ่มเห็นผลเมื่อไร
A : ขึ้นอยู่กับพื้นฐานผิวเดิมของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นว่าผิวสว่างใสและเนียนนุ่มชุ่มชื้น ฉ่ำวาวขึ้น ที่ประมาณ 4-5 วันหลังจากทำเพียงครั้งแรก โดยแนะนำการรักษาต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง เพื่อคุณภาพผิวที่ดีในระยะยาว
Q : ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
A : ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจะคงอยู่ประมาณ 1 เดือนหลังจากทำ 1 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดเจน เราแนะนำให้ทำต่อเนื่องทุกเดือนอย่างน้อย 3 ครั้ง แล้วเว้นห่างที่ 3-6 เดือน เมื่อผิวดีขึ้นชัดเจนแล้ว สามารถทำเพื่อคงสภาพผิวทุก 6-12 เดือนได้เลย (การฟื้นฟูผิวด้วยเอ็กโซโซมนี้ ไม่มีระยะเวลาการคงอยู่ของสารออกฤทธิ์แบบการฉีดโบหรือฟิลเลอร์
เนื่องจากหลักการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีนี้เป็นการสร้างเสริมผิวใหม่ด้วยสารตามธรรมชาติ ดังนั้นระยะเวลาของผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพื้นฐานสภาพผิวของแต่ละบุคคล สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิต และการดูแลรักษาผิวด้วย)
Q : แตกต่างจาก เมโส skin booster ตัวอื่นๆอย่างไร
A : กลุ่มสกินบูสเตอร์ และเมโสที่มีอยู่ทั่วไปในท้องตลาด จะเน้นให้ความชุ่มชื้นและเติมสารบำรุงให้แก่ผิวแต่Exosome ไม่เพียงแต่เสริมเกราะป้องกันผิว (skin barrier)ให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมไฟโบรบลาสท์และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินรวมไปถึงไฮยาลูโรนิกแอซิด ในทุกชั้นผิวหนังและโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ผิวด้วย เรียกได้ว่าเป็นสารที่ฟื้นฟูทุกชั้นผิว จึงแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุมมากที่สุดอย่างแท้จริง
6 : Exosome ASCE+ ตัวยาหลักในโปรแกรมผิวนี้ แตกต่างจาก Growth factorหรือผลิตภัณฑ์เอกโซโซมแบรนด์อื่นอย่างไร?
A : ในกระบวนการเพาะเลี้ยงสารต้นกำเนิด อาหารเลี้ยงสารต้นกำเนิด (culture media) และชนิดของสารต้นกำเนิด ที่ใช้ทั้งหมดไม่เหมือนกัน ดังนั้นสาร Exosome ที่ได้ออกมาทั้งหมดจึงแตกต่างกัน Exosomes ASCE+ ประกอบด้วย PRDXs ซึ่งเป็นโปรตีนที่พิสูจน์แล้วว่ามีฤทธิ์ในการชะลอวัยผิว(anti-aging) และการฟื้นฟูผิวใหม่ (skin regeneration effects) และ let-7b ซึ่งเป็นหนึ่งใน miRNA ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบ (anti- inflammatory effect) นอกจากนี้ หนึ่งใน exosomes marker CD44 ยังช่วยให้ส่งสารออกฤทธิ์เข้าสู่ผิวได้ ปัจจัยเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์โดยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว
Q : ทำไมราคาของการรักษาด้วย Exosome ในแต่ละสถานพยาบาลจึงแตกต่างกัน ?
A: ค่าการรักษาจะขึ้นอยู่กับ คุณภาพละปริมาณของตัวยาที่ใช้ วิธีขั้นตอนการทำหัตถการ และความรู้ความชำนาญของแพทย์ผู้ทำ
Q : ขอข้อมูลเสริมความมั่นใจที่จะลองรักษาผิวด้วย Exosome นี้อีกสักนิดได้ไหมปลอดภัยจริงหรือค่ะ ?
A : Exosome ASCE+ ตัวยาหลักที่ใช้ในโปรแกรมนี้ เปิดตัวในฐานะสกินบูสเตอร์รุ่นที่ 4
(Skin Booster Gen 4 th ) ที่เด่นในด้านการฟื้นฟูสร้างผิวใหม่ ต้านการอักเสบ
และคุณประโยชน์อื่นๆต่อผิวที่มากมายหลากหลาย ในการแพทย์ต่างประเทศมีการศึกษาวิจัย และนำมาใช้รักษาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง แผลเป็นรักษายากต่างๆ อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยระดับนานาชาติมากมายเกี่ยวกับการใช้เอ็กโซโซมเป็นยารักษามะเร็ง หรือโรคหายากทางพันธุกรรมอื่นๆได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน regenerative aesthetics ที่มีการวิจัยเชิงรุกอย่างกว้างขวาง เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพ และมาตรฐานคุณภาพระดับสากลของแลบผู้ผลิต ExoCoBio ที่ได้รับการยอมรับและมีรางวัลระดับโลกการันตีแล้ว
Q : มีข้อควรระวังอะไรบ้างหลังทำหัตถการ
A :หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณผิวหน้าอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังทำเพื่อป้องกันการติดเชื้อและ หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า โกนหนวด ทำความสะอาด อาบน้ำ ฯลฯ เป็นเวลา 12 ชั่วโมงหลังทำ
การทำเลเซอร์ที่สามารถกระตุ้นผิวได้ 2 สัปดาห์หลังทำ
Q : ถามจริงๆเลย Bubbles DNAเห็นผลไหม?
A. : เห็นผลดีมากค่ะ ชัดเจน รู้สึกได้ด้วยตนเองเลย คุณหมอเบนซ์ ก็ฉีดให้ตนเองเป็นประจำค่ะ
Q : Bubbles DNAเหมาะกับ ใคร ?
A: เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยเลยค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิว โทรมสะสม ผิวขาดการบำรุง ผิวออกแดด เจอมลภาวะ แต่งหน้าบ่อย อาการผิวบาง หน้าพังจากแพ้ครีม ครีมสเตียรอยด์ ทำเลเซอร์ อาการหน้าแห้งกร้าน การแต่งหน้าไม่ติดผิว แป้งตกร่อง ๆลๆ
ใช้รักษาผู้ที่หน้าพัง ผิวบาง จากการทำเลเซอร์หรือแพ้ครีม เสริมสร้างคอลลาเจนอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยจางลง บำรุงผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น นุ่มลื่น ขาวสว่าง สดใส เงาเด้ง ฉ่ำวาว
Q : ควรทำ Bubbles DNAบ่อยแค่ไหน ?
A: ในผู้ที่ผิวไม่ได้มีปัญหามาก แต่ต้องการเพิ่มความเนียนเด้ง ขาวใส ฉ่ำวาว ให้ผิว สามารถทำเพียง 1-3 ครั้งต่อปีได้ (ทุก 3-6 เดือน)
ส่วนในผู้ที่มีปัญหาแผลเป็นหลุมสิว หรือผิวอ่อนแอ มีปัญหามาก แนะนำครั้งที่ 1-3 ครั้งแรก ให้ทำทุก 1-3 เดือน แล้วเว้นไปอีก 3-6 เดือน ค่อยๆ ห่างออกไป
ถือเป็นการซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ และสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงอ่อนวัย การทำบ่อยๆ ติดต่อกันไม่มีผลเสียและไม่มีผลข้างเคียง แต่กลับมีข้อดี โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง ถ้าใช้วิธีการนี้แล้วผิวหน้าจะค่อยๆ อิ่มฟู เต่งตึง เรียบเนียน แข็งแรงขึ้น ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆหายไป เพราะผิวหน้าเราจะแข็งแรง หนาฟูขึ้นมาเอง
Q : เจ็บไหม ?
A : ตัวยามีความเข้มข้นมาก จึงอาจรู้สึกถึงตอนเดินยาได้ แต่จะไม่เจ็บมากค่ะ ถ้าทำที่เกาหลีมักจะใช้วิธีดมยาสลบ เพราะส่วนมากมักทำควบคู่กับการทำศัลยกรรมใบหน้า แต่ การดมยาก็จะมีความเสี่ยงที่ตามมาได้เช่นกัน
ที่ Real Clinic จะใช้วิธีมาร์คยาชาบนใบหน้า เพื่อลดความรู้สึกเวลาโดนเข็มจิ้มหน้า แค่นี้ก็เพียงพอที่จะลดความเจ็บได้แล้วค่ะ ปลอดภัยหายห่วงด้วย
Bubbles DNAจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้ผิวหน้าเรา เรียบเนียน สว่างใส ฉ่ำวาว เหมือนสาวเกาหลี และยังทำให้ผิวหน้าเราแข็งแรง มีสุขภาพผิวที่ดีด้วยค่ะ
การฉีดชาแนล ดูแลผิวสูตรลับฉบับสาวเกาหลี
การฉีด "ชาแนล" (ชื่อทางการคือ NCTF) เป็นที่นิยมในเกาหลี คือการทำทรีทเม้นท์ผิวที่ช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงผิวที่เสื่อมสภาพ โดยมีส่วนประกอบที่เหมาะสมในการปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสื่อมสภาพของผิว ป้องกันการสร้างเม็ดสี ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่น
NCTF ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนผสมสำคัญที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ ฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอ คล้ำเสีย เสื่อมสภาพ เหี่ยวย่น ให้เกิดผิวที่สุขภาพดีขึ้นได้
ส่วนประกอบสำคัญ อุดมไปด้วย– กรดไฮยาลูโรนิก | ให้ความชุ่มชื้น เติมน้ำ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว– กรดอะมิโน | ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
– วิตามิน | ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
– แร่ธาตุ | ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญ ปรับสมดุลตามธรรมชาติ
– โคเอ็นไซม์ | ส่งเสริมการทำงานของไฟโบรบลาสต์
– กลูตาไธโอน | ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพของร่างกาย
– เฮกเซน | เติมเต็มประจุ ช่วยฟื้นฟูใหม่
ได้รับการพิสูจน์แล้ว สามารถการกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์สูงถึง 135% มีไฮยาลูโรนิกแอซิดที่มีโมเลกุลสูงกว่า 1.4 ล้านดาลตัน ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่นได้มากที่สุด
จุดเด่นของชาแนล NCTF
- ประกอบด้วยส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สามารถรักษาได้แม้ในผิวบอบบางและแพ้ง่าย ซึ่งยากในการรักษาด้วยเลเซอร์
- ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีผลข้างเคียงหรือสารแปลกปลอม และผ่านการทดสอบความปลอดภัยทั้งทาง Physical Chemical และ Biological แล้ว
- ประกอบด้วยส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า สามารถปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ได้เป็นอย่างดี
Q: เจ็บไหม?
A: ตัวยาแทบไม่แสบเลย อาจมีความเจ็บเล็กน้อยจากเข็มฉีดยา แต่จะมีการประคบเย็น และใช้เข็มเบอร์เล็กที่สุดช่วยลดความเจ็บปวดได้
Q: ควรฉีดห่างกันเท่าไหร่?
A: ในครั้งแรก แนะนำฉีดต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2-3 สัปดาห์ จากนั้นทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อคงสภาพการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเนื่องจากจำนวนครั้ง ปริมาณ และการรักษาที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล แนะนำให้ปรึกษากับกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
Q: นานไหมกว่าจะเห็นผล
A: โดยทั่วไป จะเห็นผลว่าผิวดีขึ้นหลังจากการฉีดครั้งที่สอง และเริ่มเห็นผลภายใน 2 สัปดาห์หลังการฉีด และเนื่องจากเป็นการเข้าไปปรับโครงสร้างผิว ให้แข็งแรงและดีขึ้นระยะยาว จึงแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 3-6 เดือน เพราะมลภาวะ รังสียูวี และความชราวัยตามธรรมชาติของผิว เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ตลอด ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การฉีดชาแนลNCTFจะช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของผิวจากสาเหตุเหล่านี้ และปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาวได้
Q: มีผลข้างเคียงหรือไม่?
A: เนื่องจากประกอบด้วยส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัย จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง จึงเหมาะสมสำหรับการใช้ฟื้นบำรุงสุขภาพผิวที่อ่อนแอ
Q: การดูแลและข้อควรระวังหลังการฉีด?
A: บางครั้งอาจเกิดรอยนูนบวมคล้ายยุงกัดประมาณ 1-2ชั่วโมง หรือรอยแดงช้ำหลังทำได้
- หลังจากการฉีดควรงดการถูหรือกระตุ้นบริเวณผิวบริเวณที่ฉีด แนะนำให้หลีกเลี่ยงความร้อนสูง การออกกำลังกายหนักๆ และงดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำ
- หลังฉีดไม่ควรล้างหน้า แต่งหน้า อย่างน้อย 2-3 ชม.
- เพื่อให้เห็นผลการฉีดที่ดี ควรหลีกเลี่ยง อบไอน้ำ ซาวหน้า เป็นเวลา 1 อาทิตย์
- หลังฉีดควรทาครีมกันแดด, ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น สม่ำเสมอ
รีจูรัน ทำงานอย่างไร
กระบวนการของรีจูรัน คือ การกระตุ้นให้เกิดผิวใหม่ โดยการฉีดสาร PN (Polynucleotide,โพลินิวคลิโอไทด์) เข้าไปกระตุ้นGrowth Factor ในชั้นผิวหนังแท้ โดยสารตัวนี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว ตัวยาจะเข้าไปซ่อมแซมส่วนของผิวที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูบำรุงผิวโดยรวมให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งตัว PN ยังเข้าไปบล็อกการสร้างเม็ดสี จึงช่วยลดริ้วรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดรอยสิว แถมยังช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสฉ่ำวาวอีกด้วย
PN (Polynucleotide, โพลินิวคลิโอไทด์) คือ
รีจูรัน ปลอดภัยไหม ?
รีจูรัน (Rejuran) ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย.ไทย และมีการจดทะเบียนนำเข้าไทยอย่างถูกต้องโดยบริษัท รีเอจไลน์
จำกัด ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.
2565 ที่ผ่านมา ดังนั้น รีจูรัน ปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ
รีจูรัน ผ่าน อย. ไทยไหม ?
ตัวยารีจูรันเป็นถือเป็นยาประเภทวิตามินบำรุงผิวที่ผ่านการรับรอง อย.ไทย และ KFDA จากต่างประเทศแล้ว
ผลิตโดยประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการจดทะเบียนนำเข้าไทยอย่างถูกต้องโดยบริษัท รีเอจไลน์ จำกัด และจำหน่ายโดยบริษัท
เอสดับบลิว เฮลธ์แคร์ จำกัดค่ะ
ในปัจจุบัน Rejuran จะมีทั้งหมด 3 รุ่น 3 สีค่ะ ที่นำเข้ามาในประเทศไทย และผ่านขึ้นทะเบียนอย.
Rejuran ต้องฉีดกี่ครั้ง เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกเลยไหม?
ในการฟื้นฟูผิวด้วยรีจูรัน จะใช้เวลาในการซ่อมแซมผิวประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด จึงจะเริ่มเห็นผล โดยควรฉีดรีจูรันจำนวน 4
ครั้งติดต่อกัน ห่างกันที่ 2-4 สัปดาห์
Rejuran ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? นิยมในการฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวหน้าเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำไปในตำแหน่งอื่น ๆ ได้เช่นกัน
ใบหน้า : สามารถฉีดได้ทุกบริเวณทั่วใบหน้า รวมถึงผิวรอบดวงตา
ลำคอ : เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่คอ ช่วยให้ผิวที่บริเวณลำคอชุ่มชื้นขึ้น
มือ : สามารถฉีดหลังมือ เพื่อทำให้ผิวหลังมือไม่แห้งกร้าน ลดริ้วรอย ดูสุขภาพดี
ฉีด Rejuran ใช้กี่ CC ?
Rejuran Healer (กล่องดำ) จะมีหน่วยเป็น cc ซึ่ง 1 หลอด(โดส) = 2 cc โดยทั่วไปจะใช้ 2 – 4 ml (1-2 โดส) ต่อการฉีด 1 ครั้ง
ขั้นตอนการฉีด Rejuran
หมอจะใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษ ฉีดตัวยาเข้าไปทั่วผิวหน้า เน้นบริเวณผิวที่มีปัญหา (ก่อนฉีดสามารถฉีดยาชาแปะยาชา หรือประคบเย็นได้) หลังฉีดอาจมีอาการบวมแดงเป็นตุ่มๆคล้ายยุงกัดบริเวณที่ฉีดโดยอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้น ในช่วง 1-2 วัน คนไข้สามารถแต่งหน้าทาครีมได้ปกติในวันรุ่งขึ้น
การดูแลตัวเองหลังฉีด Rejuran
รีจูรัน ราคาเท่าไหร่
ราคาของการฉีดรีจูรันจะอยู่ที่ประมาณหลอดละ 9,000 – 20,000 บาท แต่ละที่จะแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์ของแพทย์ในแต่ละคลินิก หากราคาต่ำหรือสูงกว่ามาตรฐานจนเกินไป ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
ข้อดีของการฉีดมุลกวัง