5.มุลกวัง
Q : ถามจริงๆเลย Bubbles DNAเห็นผลไหม?
A. : เห็นผลดีมากค่ะ ชัดเจน รู้สึกได้ด้วยตนเองเลย คุณหมอเบนซ์ ก็ฉีดให้ตนเองเป็นประจำค่ะ
Q : Bubbles DNAเหมาะกับ ใคร ?
A: เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยเลยค่ะ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิว โทรมสะสม ผิวขาดการบำรุง ผิวออกแดด เจอมลภาวะ แต่งหน้าบ่อย อาการผิวบาง หน้าพังจากแพ้ครีม ครีมสเตียรอยด์ ทำเลเซอร์ อาการหน้าแห้งกร้าน การแต่งหน้าไม่ติดผิว แป้งตกร่อง ๆลๆ
ใช้รักษาผู้ที่หน้าพัง ผิวบาง จากการทำเลเซอร์หรือแพ้ครีม เสริมสร้างคอลลาเจนอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยจางลง บำรุงผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื้น นุ่มลื่น ขาวสว่าง สดใส เงาเด้ง ฉ่ำวาว
Q : ควรทำ Bubbles DNAบ่อยแค่ไหน ?
A: ในผู้ที่ผิวไม่ได้มีปัญหามาก แต่ต้องการเพิ่มความเนียนเด้ง ขาวใส ฉ่ำวาว ให้ผิว สามารถทำเพียง 1-3 ครั้งต่อปีได้ (ทุก 3-6 เดือน)
ส่วนในผู้ที่มีปัญหาแผลเป็นหลุมสิว หรือผิวอ่อนแอ มีปัญหามาก แนะนำครั้งที่ 1-3 ครั้งแรก ให้ทำทุก 1-3 เดือน แล้วเว้นไปอีก 3-6 เดือน ค่อยๆ ห่างออกไป
ถือเป็นการซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ และสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงอ่อนวัย การทำบ่อยๆ ติดต่อกันไม่มีผลเสียและไม่มีผลข้างเคียง แต่กลับมีข้อดี โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง ถ้าใช้วิธีการนี้แล้วผิวหน้าจะค่อยๆ อิ่มฟู เต่งตึง เรียบเนียน แข็งแรงขึ้น ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆหายไป เพราะผิวหน้าเราจะแข็งแรง หนาฟูขึ้นมาเอง
Q : เจ็บไหม ?
A : ตัวยามีความเข้มข้นมาก จึงอาจรู้สึกถึงตอนเดินยาได้ แต่จะไม่เจ็บมากค่ะ ถ้าทำที่เกาหลีมักจะใช้วิธีดมยาสลบ เพราะส่วนมากมักทำควบคู่กับการทำศัลยกรรมใบหน้า แต่ การดมยาก็จะมีความเสี่ยงที่ตามมาได้เช่นกัน
ที่ Real Clinic จะใช้วิธีมาร์คยาชาบนใบหน้า เพื่อลดความรู้สึกเวลาโดนเข็มจิ้มหน้า แค่นี้ก็เพียงพอที่จะลดความเจ็บได้แล้วค่ะ ปลอดภัยหายห่วงด้วย
Bubbles DNAจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้ผิวหน้าเรา เรียบเนียน สว่างใส ฉ่ำวาว เหมือนสาวเกาหลี และยังทำให้ผิวหน้าเราแข็งแรง มีสุขภาพผิวที่ดีด้วยค่ะ
การฉีดชาแนล ดูแลผิวสูตรลับฉบับสาวเกาหลี
การฉีด "ชาแนล" (ชื่อทางการคือ NCTF) เป็นที่นิยมในเกาหลี คือการทำทรีทเม้นท์ผิวที่ช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงผิวที่เสื่อมสภาพ โดยมีส่วนประกอบที่เหมาะสมในการปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสื่อมสภาพของผิว ป้องกันการสร้างเม็ดสี ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่น
NCTF ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีส่วนผสมสำคัญที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ ฟื้นบำรุงผิวที่อ่อนแอ คล้ำเสีย เสื่อมสภาพ เหี่ยวย่น ให้เกิดผิวที่สุขภาพดีขึ้นได้
ส่วนประกอบสำคัญ อุดมไปด้วย– กรดไฮยาลูโรนิก | ให้ความชุ่มชื้น เติมน้ำ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว– กรดอะมิโน | ช่วยในการสร้างคอลลาเจน
– วิตามิน | ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย
– แร่ธาตุ | ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญ ปรับสมดุลตามธรรมชาติ
– โคเอ็นไซม์ | ส่งเสริมการทำงานของไฟโบรบลาสต์
– กลูตาไธโอน | ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมสภาพของร่างกาย
– เฮกเซน | เติมเต็มประจุ ช่วยฟื้นฟูใหม่
ได้รับการพิสูจน์แล้ว สามารถการกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์สูงถึง 135% มีไฮยาลูโรนิกแอซิดที่มีโมเลกุลสูงกว่า 1.4 ล้านดาลตัน ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่นได้มากที่สุด
จุดเด่นของชาแนล NCTF
- ประกอบด้วยส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สามารถรักษาได้แม้ในผิวบอบบางและแพ้ง่าย ซึ่งยากในการรักษาด้วยเลเซอร์
- ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่มีผลข้างเคียงหรือสารแปลกปลอม และผ่านการทดสอบความปลอดภัยทั้งทาง Physical Chemical และ Biological แล้ว
- ประกอบด้วยส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า สามารถปรับปรุงการทำงานของไฟโบรบลาสต์ได้เป็นอย่างดี
Q: เจ็บไหม?
A: ตัวยาแทบไม่แสบเลย อาจมีความเจ็บเล็กน้อยจากเข็มฉีดยา แต่จะมีการประคบเย็น และใช้เข็มเบอร์เล็กที่สุดช่วยลดความเจ็บปวดได้
Q: ควรฉีดห่างกันเท่าไหร่?
A: ในครั้งแรก แนะนำฉีดต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2-3 สัปดาห์ จากนั้นทุกๆ 3-6 เดือน เพื่อคงสภาพการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเนื่องจากจำนวนครั้ง ปริมาณ และการรักษาที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล แนะนำให้ปรึกษากับกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
Q: นานไหมกว่าจะเห็นผล
A: โดยทั่วไป จะเห็นผลว่าผิวดีขึ้นหลังจากการฉีดครั้งที่สอง และเริ่มเห็นผลภายใน 2 สัปดาห์หลังการฉีด และเนื่องจากเป็นการเข้าไปปรับโครงสร้างผิว ให้แข็งแรงและดีขึ้นระยะยาว จึงแนะนำให้ฉีดซ้ำทุกๆ 3-6 เดือน เพราะมลภาวะ รังสียูวี และความชราวัยตามธรรมชาติของผิว เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ตลอด ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การฉีดชาแนลNCTFจะช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของผิวจากสาเหตุเหล่านี้ และปรับปรุงคุณภาพผิวในระยะยาวได้
Q: มีผลข้างเคียงหรือไม่?
A: เนื่องจากประกอบด้วยส่วนผสมที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัย จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง จึงเหมาะสมสำหรับการใช้ฟื้นบำรุงสุขภาพผิวที่อ่อนแอ
Q: การดูแลและข้อควรระวังหลังการฉีด?
A: บางครั้งอาจเกิดรอยนูนบวมคล้ายยุงกัดประมาณ 1-2ชั่วโมง หรือรอยแดงช้ำหลังทำได้
- หลังจากการฉีดควรงดการถูหรือกระตุ้นบริเวณผิวบริเวณที่ฉีด แนะนำให้หลีกเลี่ยงความร้อนสูง การออกกำลังกายหนักๆ และงดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำ
- หลังฉีดไม่ควรล้างหน้า แต่งหน้า อย่างน้อย 2-3 ชม.
- เพื่อให้เห็นผลการฉีดที่ดี ควรหลีกเลี่ยง อบไอน้ำ ซาวหน้า เป็นเวลา 1 อาทิตย์
- หลังฉีดควรทาครีมกันแดด, ครีมเพิ่มความชุ่มชื้น สม่ำเสมอ
รีจูรัน ทำงานอย่างไร
กระบวนการของรีจูรัน คือ การกระตุ้นให้เกิดผิวใหม่ โดยการฉีดสาร PN (Polynucleotide,โพลินิวคลิโอไทด์) เข้าไปกระตุ้นGrowth Factor ในชั้นผิวหนังแท้ โดยสารตัวนี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว ตัวยาจะเข้าไปซ่อมแซมส่วนของผิวที่เสื่อมสภาพ และฟื้นฟูบำรุงผิวโดยรวมให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งตัว PN ยังเข้าไปบล็อกการสร้างเม็ดสี จึงช่วยลดริ้วรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดรอยสิว แถมยังช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใสฉ่ำวาวอีกด้วย
PN (Polynucleotide, โพลินิวคลิโอไทด์) คือ
รีจูรัน ปลอดภัยไหม ?
รีจูรัน (Rejuran) ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย.ไทย และมีการจดทะเบียนนำเข้าไทยอย่างถูกต้องโดยบริษัท รีเอจไลน์
จำกัด ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.
2565 ที่ผ่านมา ดังนั้น รีจูรัน ปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ
รีจูรัน ผ่าน อย. ไทยไหม ?
ตัวยารีจูรันเป็นถือเป็นยาประเภทวิตามินบำรุงผิวที่ผ่านการรับรอง อย.ไทย และ KFDA จากต่างประเทศแล้ว
ผลิตโดยประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการจดทะเบียนนำเข้าไทยอย่างถูกต้องโดยบริษัท รีเอจไลน์ จำกัด และจำหน่ายโดยบริษัท
เอสดับบลิว เฮลธ์แคร์ จำกัดค่ะ
ในปัจจุบัน Rejuran จะมีทั้งหมด 3 รุ่น 3 สีค่ะ ที่นำเข้ามาในประเทศไทย และผ่านขึ้นทะเบียนอย.
Rejuran ต้องฉีดกี่ครั้ง เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกเลยไหม?
ในการฟื้นฟูผิวด้วยรีจูรัน จะใช้เวลาในการซ่อมแซมผิวประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด จึงจะเริ่มเห็นผล โดยควรฉีดรีจูรันจำนวน 4
ครั้งติดต่อกัน ห่างกันที่ 2-4 สัปดาห์
Rejuran ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? นิยมในการฉีดเพื่อฟื้นฟูผิวหน้าเป็นหลัก แต่ก็สามารถนำไปในตำแหน่งอื่น ๆ ได้เช่นกัน
ใบหน้า : สามารถฉีดได้ทุกบริเวณทั่วใบหน้า รวมถึงผิวรอบดวงตา
ลำคอ : เพื่อลดเลือนริ้วรอยที่คอ ช่วยให้ผิวที่บริเวณลำคอชุ่มชื้นขึ้น
มือ : สามารถฉีดหลังมือ เพื่อทำให้ผิวหลังมือไม่แห้งกร้าน ลดริ้วรอย ดูสุขภาพดี
ฉีด Rejuran ใช้กี่ CC ?
Rejuran Healer (กล่องดำ) จะมีหน่วยเป็น cc ซึ่ง 1 หลอด(โดส) = 2 cc โดยทั่วไปจะใช้ 2 – 4 ml (1-2 โดส) ต่อการฉีด 1 ครั้ง
ขั้นตอนการฉีด Rejuran
หมอจะใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษ ฉีดตัวยาเข้าไปทั่วผิวหน้า เน้นบริเวณผิวที่มีปัญหา (ก่อนฉีดสามารถฉีดยาชาแปะยาชา หรือประคบเย็นได้) หลังฉีดอาจมีอาการบวมแดงเป็นตุ่มๆคล้ายยุงกัดบริเวณที่ฉีดโดยอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้น ในช่วง 1-2 วัน คนไข้สามารถแต่งหน้าทาครีมได้ปกติในวันรุ่งขึ้น
การดูแลตัวเองหลังฉีด Rejuran
รีจูรัน ราคาเท่าไหร่
ราคาของการฉีดรีจูรันจะอยู่ที่ประมาณหลอดละ 9,000 – 20,000 บาท แต่ละที่จะแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์ของแพทย์ในแต่ละคลินิก หากราคาต่ำหรือสูงกว่ามาตรฐานจนเกินไป ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
ข้อดีของการฉีดมุลกวัง